top of page
ค้นหา

11 ประโยชน์ของการเป็น “คนขี้เกียจ”

  • รูปภาพนักเขียน: irene chonnipha
    irene chonnipha
  • 1 มิ.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 2 มิ.ย. 2564



คุณรู้หรือไม่ว่า “ความขี้เกียจ” ก็เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะคิดในแง่ลบว่าความขี้เกียจหรือการผัดวันประกันพรุ่งเป็นสิ่งที่แย่มากและไม่ควรทำ



คนไหนขี้เกียจก็มักจะโดนประนามว่าเป็นคนไม่เอาไหน “เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” “เอาแต่นอนกินบ้านกินเมือง” “ชีวิตหาความเจริญไม่ได้หรอก” คำพูดเหล่านี้ที่คนขี้เกียจมักจะได้ยินเป็นประจำ แต่หารู้ไหมว่าความขี้เกียจถ้าเราใช้มันอย่างถูกวิธีก็สามารถสร้างประสิทธิภาพที่ดีขึ้นให้กับชีวิตของคุณ เรามาดูข้อดีของการเป็นคนขี้เกียจกันเลยดีกว่า.....!!




“คนขี้เกียจ” ไม่เคยหมดไฟในการทำงาน
ในขณะที่คนอื่นตราหน้าเขาว่าเป็นคนขี้เกียจและไม่เอาไหน แต่ตัวเขาเองรู้ว่าตอนนั้นเขาต้องการที่จะพักผ่อนหรือของีบสัก 15 นาทีแล้วเริ่มงานต่อ มีผลจากการวิจัยมาแล้วว่าคนที่นอนกลางวันในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น จะส่งผลดีต่อสมองช่วยทำให้ความคิดสดใสและสร้างสรรค์งานได้ดีขึ้น 

เขาเหล่านั้นแทบจะไม่มีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน เพราะว่าเขาสามารถทำงานได้เรื่อย ๆ ไม่เครียดในการทำงาน เขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรพัก เมื่อไหร่ควรไฟท์กับงาน  เขาไม่ฝืนที่จะทำงานในขณะที่ร่างกายไม่พร้อม 

ส่วนคนที่เอาจริงเอาจังกับงานนั้น มักมีเรื่องให้เครียดอยู่ตลอดส่งผลให้นอนไม่หลับ มีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง เบื่ออาหาร เป็นต้น


“คนขี้เกียจ” มีแนวโน้มที่จะมีการพักผ่อนได้ดี
คนขี้เกียจกับการนอนเป็นของคู่กัน 
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอนั้นสร้างประโยชน์มากมายให้กับร่างกาย  เช่น ความที่จำดีขึ้น , มีสมาธิมากขึ้น , ความเครียดลดลง , สร้างภูมิคุ้มกัน และอื่น ๆ ทั้งหมดเกิดจากการนอนหลับอย่างเพียงพอต่อวัน 

การพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ , ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ,อาการซึมเศร้า ,  และความวิตกกังวล 

ดังนั้นการคุณที่จะตื่นสายบ้าง , จะงีบหลับระหว่างวันบ้าง คุณก็สามารถทำได้ อย่าไปใส่ใจคนอื่นที่ว่าให้คุณ “เป็นคนขี้เกียจ ตัวเป็นขน” คุณก็แค่รักษาสุขภาพร่างของคุณให้แข็งแรงและพร้อมที่จะทำงาน


“คนขี้เกียจ” มักจะทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดของคนขี้เกียจคือทำยังไงก็ได้ให้งานเสร็จไวที่สุดเพื่อที่จะได้มีเวลาพักผ่อน เขาจึงต้องทำงานให้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพอย่างมากสูงสุด จะต้องไม่ให้ผิดพลาดเด็ดขาด ตรวจเช็คทุกอย่างแบบละเอียดถี่ถ้วน เพราะว่าเขานั้นขี้เกียจที่จะกลับมาแก้ไขงานอีกครั้ง เขาจึงตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่ 
ตามคำคมปรัชญาที่ว่า "ทำงานหนักให้สุดและสนุกให้สุดเช่นกัน" work hard play hard 



“คนขี้เกียจ” มักจะไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
เหล่าคนขี้เกียจต้องแน่ใจเสียก่อนว่ากิจกรรมสันทนาการหรืองานทุกอย่างนนั้นคุ้มค่ากับเวลาและพลังงานของที่เสียไป เขาจะพยายามหาหนทางที่ง่ายที่สุดทำให้งานสำเร็จลุล่วง
"ความเกียจคร้านทำให้คุณจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และช่วยประหยัดพลังงาน"บิล เกตส์” ยังเคยบอกไว้ว่า เขาจะเลือกพนักงานคนที่ขี้เกียจมาทำงานที่ยากที่สุด เพราะคนเหล่านี้จะพยายามหาหนทางที่ง่ายที่สุดทำให้งานสำเร็จลุล่วง 

สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่ต่างก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพราะความขี้เกียจทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้า เพราะว่าคนขี้เกียจซักมือจึงหาเครื่องทุ่นแรงในการช่วยซักเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเครื่องซักผ้าเกิดขึ้นบนโลกนี้ 


“คนขี้เกียจ” มักมีชีวิตที่ปลอดภัยกว่า
ยกตัวอย่างเช่นการขับรถเร็วๆ บนท้องถนน มันจะต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก รวมทั้งทักษะการขับรถที่ปาดไป ปาดมา อย่างเฟี้ยวฟ้าว  
ส่วนคนขี้เกียจนั้นไม่มีพลังมาพอที่จะซิ่งรถ เขาจึงขับรถไปแบบระมัดระวัง ช้าๆ เอื่อยๆ เรื่อย ๆ ไม่แข่งกับใคร  และการที่ขับรถช้าคือการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย  



“คนขี้เกียจ” บางคนก็ฉลาดเป็นกรด
คนขี้เกียจไม่ได้แปลว่า “โง่” เสมอไป จะแบ่งได้ย่อย ๆ เป็น 4 ประเภท

1) ขี้เกียจแต่ดันฉลาดเป็นกรด 
2) ขี้เกียจแล้วยังไม่ฉลาดอีกด้วย
3) ขยันแต่ไม่ฉลาดก็แย่เหมือนกัน 
4) ฉลาดและยังขยันอีกด้วย ....นี้ก็อีกประเด็นหนึ่ง 

หัวข้อนี้พูดถึง ขี้เกียจแต่ดันฉลาดเป็นกรด เขาอาจจะไม่แสดงออกทางการกระทำมากนักเพราะมันเปลืองแรง แต่เขาเก่งในด้านการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ในหัวของเขามักจะมีไอเดียดีๆ ออกมาอยู่เสมอ 



“คนขี้เกียจ” จะคิดวางแผนเพื่ออนาคตที่ดี
การที่คนเราได้นั่งดูทีวีชิลล์ ๆ เล่นเกมแบบไม่ต้องคิดอะไร หรือแม้กระทั่งนอนเล่นเฉย ๆ กับน้องแมว ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายมักจะมีจินตการดีๆ ฝุดขึ้นมาให้เราได้ ‘ฝันกลางวัน’ เกี่ยวกับอนาคตข้างหน้าหรือได้วางแผนชีวิต เพราะมีผลวิจัยชี้ว่า เมื่อคนเราอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปเรื่อย ๆ เราจะคิดถึงเรื่องสำคัญในชีวิต 7-14 ครั้งต่อวัน เมื่อเทียบกับตอนที่เราจดจ่อไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง



“คนขี้เกียจ” ส่งเสริมช่วยสันติภาพของโลก
คนขี้เกียจส่งเสริมสันติภาพของโลกยังไง?  ให้ลองจินตนาการดูนะคะว่า ถ้าทุกคนบนโลกขี้เกียจ ก็คงจะไม่มีใครออกไปทำสงคราม หรือก่อการร้าย พวกเขาจะรีบทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ขี้เกียจที่จะไปทะเลาะกับคนอื่น  ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำให้โลกมีแต่สันติสุข



“คนขี้เกียจ” มักไม่คาดหวังอะไรมาก
เนื่องจากคนกลุ่มนี้ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องวุ่นวายกับความเร่งรีบ และกฎเกณฑ์ ไม่แสวงหาในสิ่งอื่นใดนอกจากความสงบ ทำให้พวกเขามีความสุขได้ง่าย และไม่ต้องคาดหวังกับชีวิตที่ยิ่งใหญ่


“คนขี้เกียจ” ดีต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อคุณขี้เกียจ คุณก็จะกินน้อยลง ทำกิจกรรมน้อยลง ซื้อของน้อยลง ทำให้ลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ วันหยุดก็ไม่ขับรถออกไปไหน แค่นี้ก็สามารถลดก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ในอากาศ เรียกได้ว่า คุณนี่แหละที่เป็นฮีโร่สำหรับสิ่งแวดล้อม

เราไม่ได้บอกว่าคุณจะต้องขี้เกียจ ชีวิตคุณถึงจะดี ทุกอย่างต้องดำเนินตามทางสายกลาง ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป

“ใช่ว่าความขี้เกียจจะดีไปทั้งหมด ....... ใช่ว่าความขยันจะดีไปทั้งหมด”

ทุกอย่างมีดีมีเสียในตัว เราต้องรู้จักใช้ชีวิตอย่างบาลานซ์สมดุล






Comments


Join my mailing list

Thanks for submitting!

© 2023 by The Book Lover. Proudly created with Wix.com

  • YouTube
bottom of page