top of page
ค้นหา

12 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้การทำงานร่วมกันในองค์กรเป็นไปอย่างสามัคคีและมีแนวความคิดเดียวกัน

  • รูปภาพนักเขียน: irene chonnipha
    irene chonnipha
  • 12 พ.ค. 2564
  • ยาว 1 นาที

คนส่วนมากจะมีความสุขในการทำงานเป็นทีมเวิร์คถึงแม้จะมีปัญหาเข้ามามากมายก็ไม่หวั่นกลัว พร้อมที่จะสู้กับปัญหานั้นไปด้วยกัน



ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือการดำรงองค์กรให้คงอยู่ หรือการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ อย่างหนึ่งที่องค์กรไม่สามารถเลี่ยงได้คือมากคนก็มากความ ทุกคนในทีมมีประสบการณ์และความรู้ที่แต่แตกต่างกัน ไม่มีใครดีหรือแย่ไปหมด การที่จะทำให้ความหลากหลายหลอมรวมมาเป็นหนึ่งเดียว คือการที่ทุกคนสร้างชุดความคิดหรือ mindset ไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งเป้าหมายด้วย

การจะเป็นทีมเวิร์คคือต้องให้ความร่วมมือกันตั้งแต่ผู้บริหารจนพนักงานเบื้องล่าง ถ้าองค์กรคุณแข็งแกร่ง แม้จะมีอุปสรรคต่างๆเข้ามา พวกคุณก็ร่วมมือสู้ไปด้วยกัน





1. ผู้นำที่ดี

ผู้นำปรียบเสมือนดั่งหัวเรือที่คุมทิศทางลมส่วนพนักงานก็เปรียบเสมือนส่วนต่างๆของเรือที่ต้องประคองไปพร้อมกัน ถ้าหัวหน้าทุกๆแผนกเป็นคนดีมีคุณธรรม ลูกน้องย่อมให้ความเคารพและยำเกรงในหัวหน้า ทำให้ความรักองค์กรจะส่งต่อกันเป็นทอดๆ การรักองค์กรมันเป็นกับโรคติดต่อ


ผู้นำที่ดีต้องเปิดใจรับฟังเสียงของพนักงาน เพราะทุกความเห็นหรือข้อเสนอแนะของพนักงานนั้นล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น เนื่องจากพวกเค้าเป็นกลุ่มคนที่อยู่หน้างานจริง เห็นสถานการณ์จริง เห็นปัญหาต่างๆหน้างานจริง และรู้ว่าจะปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างไร ซึ่งการเปิดใจรับฟังก็นับว่าทำให้พนักงานรู้สึกดีมาก


ถ้าหากมีผู้นำแย่ เป็นไปได้ยากที่จะทำให้พนักงานจะรักองค์กร ลองจินตการภาพดูจากบริษัทแห่งหนึ่ง หากวันนี้หัวหน้าทะเลาะกับภรรยาที่บ้านมาถึงที่ทำงานก็โวยใส่หัวหน้าแผนก >>> ทำให้หัวหน้าแผนกวีนใส่พนักงาน >>> พนักงานวีนใส่แม่บ้าน >>> จะเห็นได้ว่ามันส่งต่อกันตามระดับตำแหน่งของงาน เพราะฉะนั้นผู้บริหารควรเลือกผู้นำที่ดีเข้ามาสู่องค์กร


“จะประสานหน่วยงาน...ต้องประสานคน จะประสานคน...ต้องประสานใจ”





2. การพูดคุยหรือการสื่อสารในองค์กร

การสื่อสารที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีมเวิร์ค ทีมที่ยอดเยี่ยมคือเขาสื่อสารกันได้ดีและพูดคุยกันบ่อยครั้ง สมาชิกทุกคนยินดีที่จะแบ่งปันความคิดหรือระดมความคิดร่วมกันในการขอความคิดเห็นแต่ละครั้ง มีทั้งเห็นและไม่เห็นด้วย


นี่ไม่ได้หมายความว่าสมาชิกในทีมจะเห็นด้วยเสมอไป สมาชิกในทีมตระหนักดีว่าจุดแข็งคือการที่สมาชิกทุกคนนำความหลากหลายมาสู่ความพยายามในการแก้ปัญหาปรับปรุงกระบวนการบรรลุเป้าหมายและเดินหน้าต่อไปในฐานะทีมเวิร์ค




3. ทำกิจกรรมออกกำลังกายร่วมกัน

การออกกำลังกายในที่นี้ไม่ได้หมายว่าว่าคุณจะต้องให้ลูกน้องเต้นแอโรบิคในทุกๆวัน สิ่งที่ฉันจะแนะนำก็คือพาทีมของคุณทำกิจกรรมข้างนอกบ้านอย่างเช่นไปพักร้อนสักสามวันสองคืน ปีหนึ่งอาจจะไปสองครั้งว่ากันไปตามงบประมาณ ให้ทีมได้ออกไปทำกิจกรรมผจญภัยหรือเล่นกีฬาต่างๆร่วมกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีม “สามัคคีคือพลัง”




4. การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวที่เป็นเอกลักษณ์ขององค์กร

สมาชิกในทีมถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ไม่เหมือนใครซึ่งมีประสบการณ์ที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้มุมมองความรู้และความคิดเห็นที่จะมีส่วนร่วม ท้ายที่สุดจุดประสงค์ของการจัดตั้งทีมคือการใช้ประโยชน์จากความแตกต่าง

ในความเป็นจริงยิ่งทีมสามารถนำเสนอมุมมองที่แตกต่างด้วยข้อเท็จจริงรวมทั้งความคิดเห็นได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น





5. จัดปาร์ตี้ภายในทีม

หลังจากทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดสัปดาห์ การที่จะทำให้ลูกทีมได้ผ่อนคลายและกระชับความสัมพันธ์ สร้างความกลมเกลียวในทีม ก็คือการปาร์ตี้

งานปาร์ตี้ที่ว่าไม่จำเป็นต้องจัดแบบใหญ่โต บางครั้งแค่กินมื้อเย็นด้วยกัน อาจจะจัดทุกๆอาทิตย์ก็แล้วแต่เห็นสมควรแต่แนะนำว่าให้ควรจัดบ่อยๆ ไม่งั้นก็กินมื้อเที่ยงหรืออะไรก็ได้ที่ทุกคนในทีมอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา สร้างบรรยากาศเหมือนครอบครัว “เราอยู่กับแบบพี่น้องหรือครอบครัวจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด” การทำแบบนี้เป็นการสร้างบรรยากาศที่หน้าอยู่ในที่ทำงานเพราะว่าพนักงานรู้สึกเหมือนอยู่บ้านและทำงานให้กับครอบคครัว จึงทำให้ผลงานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพ



6. ยอมรับความแตกต่างของบุคคลในทีม

“ ในบางครั้งพวกเราเกือบทุกคนมีช่วงเวลานั้นในที่ทำงานที่เราอยากบีบคอคนที่นั่งข้างๆเรา” ฉันชอบสายงานนี้เพราะมันเป็นเรื่องจริงมาก – เมื่อคุณผิดหวังจากเพื่อนร่วมงานคนใดคนหนึ่งเพราะความคิดเห็นท่าทีหรือแนวทางในการทำงานของพวกเขาดูเหมือนแปลกแยกไปหมด


ในบางประเด็นมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดาในทุกๆองค์กร (คุณเป็นมนุษย์คุณรู้ว่าโลกเป็นอย่างไร) ความคิดเห็นที่แตกต่างกันอาจนำไปสู่ความไม่พอใจความไม่ลงรอยกันและบางครั้งอาจขัดแย้งกัน ในทางกลับกันพวกเขายังสามารถเป็นประโยชน์ต่อโครงการหรือผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายเนื่องจากมุมมองและอิทธิพลที่ไม่เหมือนกัน นำไปสู่การพัฒนาที่ล้ำค่า


- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสมดุล

- ยอมรับความเห็นต่าง

- ชื่นชมความแตกต่าง




7. กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาเพื่อวัดความก้าวหน้า

ขั้นตอนและระยะเวลาเปรียบเสมือนหลักเขตที่ช่วยบอกว่าเหลือระยะทางอีกเท่าไรถึงจะบรรลุเป้าหมาย การกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาต่างๆ นั้นง่ายมาก เราแค่ต้องเริ่มจากจุดสุดท้ายก่อน (บรรลุเป้าหมาย) และค่อยย้อนกลับไปจุดและสถานการณ์ที่เราอยู่ตอนนี้


- การกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาช่วยเราได้ และถ้าสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานเป็นทีมได้ ทุกคนก็จะมีแรงบันดาลใจในการทำงานให้ลุล่วง เพราะเราได้แตกงานใหญ่ออกเป็นงานย่อยและเป้าหมายที่จับต้องได้ ฉะนั้นเราก็จะรู้สึกว่าตนเองนั้นบรรลุเป้าหมายได้ทุกวันโดยไม่ต้องรอจนกว่างานใหญ่เสร็จโดยสมบูรณ์ก่อน แล้วจึงรู้สึกว่าตนบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจแล้ว




8. สมาชิกในทีมมองโลกในแง่ดี

การมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอจะเป็นหลักที่นำเราไปสู่การบรรลุเป้าหมายเชื่อมั่นในตนเองและผู้คนรอบข้าง เอาชนะความคิดในแง่ลบด้วยการมองโลกในแงดี


- นอกจากการอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ดีจะทำให้เรากลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีแล้ว เรายังได้รับประโยชน์จากคนที่มองโลกในแง่ดีด้วย ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน เราจะค่อยๆ รับเอานิสัยของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา ฉะนั้นเราจึงควรเลือกคบเพื่อนให้ดีด้วย



9. จัดเวลาให้มีช่วงว่างและช่วงพัก

ผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เวลาว่างก็ช่วยเพิ่มความพึงพอใจกับชีวิตได้ ผลการศึกษายังพิสูจน์ว่าในความเป็นจริงแล้วชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน (50 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์) ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเราลดลง


- การนอนไม่เต็มอิ่มจะทำให้เราทำงานได้ลดลง ฉะนั้นคนในวัยผู้ใหญ่ควรนอนหลับวันละ 7 ชั่วโมงและวัยรุ่นควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8.5 ชั่วโมง

- ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการจัดเวลา "ฟื้นฟูกำลังกายและพลังใจ" (เช่น ออกกำลังกาย งีบหลับช่วงสั้นๆ ทำสมาธิ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ) ในแต่ละวันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและทำให้สุขภาพดีขึ้น




10. การให้รางวัลสำหรับทีม

การมีวัตถุประสงค์เหล่านี้จะทำอย่างไรหากหากคนใดคนหนึ่งทีมของคุณไม่ได้รับรางวัลในเมื่อพวกเขาก็มีส่วนร่วมให้งานทำให้งานสำเร็จ วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการกระตุ้นให้ทีมของคุณทำงานร่วมกันคือการจัดหาโครงการสำหรับรางวัล


อย่าให้รางวัลเป็นรายบุคคล แต่ให้รางวัลเป็นทีม นั่นหมายความว่าสมาชิกในทีมมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือกันมากขึ้นหากพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลสำหรับผลงานที่ดีของเพื่อนร่วมงาน

เป็นความคิดที่ดีที่จะรวมรางวัลบุคคลสำหรับทีมเวิร์คที่ดีที่สุดไว้ด้วย สิ่งนี้จะไปถึงบุคคลที่แสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานและใช้ทัศนคติในการทำงานเป็นทีม





11. ระดมพลเพื่อเป้าหมายร่วมกัน

หากคุณต้องการเป็นทีมเวิร์คคุณต้องแบ่งปันเป้าหมายร่วมกัน เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่คุณมุ่งมั่นคืออะไร? การบรรลุเป้าหมายขั้นต่อไปมีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างไร? การมีส่วนร่วมของเพื่อนร่วมทีมแต่ละคนเหมาะสมตรงไหน? การรู้เรื่องงานของคุณช่วยยกระดับการทำงานเป็นทีมไปอีกขั้น


และสร้างภาพความสำเร็จให้คนในทีม นึกถึงเป้าหมายของตนและความรู้สึกเมื่อทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ การนึกภาพความสำเร็จจะช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างที่กำลังไล่ตามเป้าหมาย





12. เลือกจ้างพนักงานอย่างชาญฉลาด

องค์กรส่วนใหญ่ต้องทนทุกข์ทรมานจากกระบวนการจ้างงานที่แย่และไม่มีประสิทธิภาพ ในที่สุดขั้นตอนการจ้างงานของคุณควรใช้เพื่อคาดการณ์ว่าการรับสมัครใหม่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุวิสัยทัศน์ในระยะยาวได้ดีเพียงใด


และบางครั้ง HR ก็ถามคำถามที่ค่อนข้างออกทะเล ไม่ได้ช่วยในการคัดคนได้ดีเท่าไหร่

ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่คุณควรปรับปรุงคือระบบต่างๆ ภายในองค์กร รวมถึงการเลือกคนเข้ามาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เช็คความฉลาดทางปัญญาและอารมณ์และก็Mindset ทั้งหมดนี้เราไม่ได้หมายความว่าเขาคนนั้นจะต้องเพอร์เฟคดูดีไปซะทั้งหมด ให้ดูในภาพรวมว่าเขาคนนั้นสามารถสร้างประโยชน์อะไรบ้างให้กับองค์กร



source





Comentários


Join my mailing list

Thanks for submitting!

© 2023 by The Book Lover. Proudly created with Wix.com

  • YouTube
bottom of page